จากคำบอกเล่าของบรรพบุรุษได้สรุปเนื้อเรื่องได้ว่า ” ในอดีตนั้นเมืองเพชรบุรีเคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของสยามประเทศมาแต่เก่าก่อน จนกระทั่งสยามประเทศได้มีการทำสนธิสัญญาเบอร์นี เพื่อให้มีเพียงแค่เมืองท่าเดียวคือท่าเรือกรุงเทพ (ท่าเรือคลองเตย) หลังจากสนธิสัญญาได้ยกเลิกไปแล้วนั้น รัฐบาลก็ไม่ได้เคยคิดฟื้นฟูเมืองท่าตามหัวเมืองอีกเลย ” ในสมัยเมืองเพชรยังมีความรุ่งเรืองมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ฮอลันดา โปรตุเกส อินเดีย เป็นต้น จึงยังความให้ชาวเมืองเพชรได้รับ อารยธรรมจากที่อื่นในการประกอบอาหารคาว-หวาน จนเป็นเอกลักษณ์ของคนเมืองเพชร หามีเมืองอื่นทำได้เสมอเหมือนไม่ จากการเล่าขานเหล่านี้ก็ได้มีอยู่ว่า “ได้มีสำเภาจีนได้บรรทุกสินค้า จาน ชาม แก้ว แหวน เงินทอง มาเต็มลำเพื่อมาค้าขายยังเมืองเพชร แต่ได้ประสบกับลมมรสุมจนเรือได้อับปางลง สินค้าและทรัพย์สินมีค่าจึงได้จมลง จากตำนานดังกล่าวทำให้บรรพบุรุษเชื่อว่าที่ดินในพื้นที่ตำบลบางแก้ว ซึ่งในอดีตเป็นทะเลมีทรัพย์สินที่มีค่าอยู่ในผืนแผ่นดินแห่งนี้ ประกอบกับชายหาดของบางแก้วที่มีกระซ้าซึ่งเป็นเปลือกหอยที่มีอยู่มากที่ชายฝั่งทะเลบางแก้ว ยามเมื่อต้องแสงตะวันเป็นประกายระยิบระยับ ชาวบ้านจึงได้ออกหาสิ่งที่มีค่าที่ยังคงสภาพอยู่บริเวณชายหาด ทำให้ได้เรียกขนานนามว่า “บางแก้ว” จนมาถึงปัจจุบัน และตำนานนี้ก็ยังเป็นเรื่องเล่าสู่ลูกหลานกันต่อไป.